เสียความรู้สึก เมื่อคิดว่าจะเริ่มทำอะไรเป็นของตัวเอง แต่โดนพ่อพูดว่าไปไม่รอดหรอก

เรากับสามี  มีงานประจำทำอยู่แล้วค่ะ  แต่ว่าอยากมีรายได้เสริม ก็เลยมีความคิดว่า
เปิดรับซื้อของเก่าที่บ้านดีกว่า  รับเป็น พวกพลาสติก ขวด กระดาษ  ยังไม่ถึงขั้นรับเหล็กนะ
แต่ก่อนเปิดก็ศึกษาข้อมูลมาแล้วพอควรอยู่  วันแรกที่ตัดสินใจไปซื้อตาชั่งเข้าบ้าน  เพื่อที่จะหัดแยกขยะตามประเภท
ก็โดนพ่อพูดว่า "ไปไม่รอดหรอก  คนรู้จักกันค้าลงทุนเยอะกว่านี้ยังเจ้งมาแล้วเลย ขนาดว่าเค้ามีเครื่องบด เครื่องอัดเอง ยังไปไม่รอดเลย
แล้วนี่มาเก็บแบบนี้ "  
เรารู้สึกไม่ดีที่พ่อมาพูดแบบนี้  ก็เลยพูดไปว่าแต่ของเราเริ่มจากเล็กๆก่อน ลองทำดูก่อน ถ้ามันไม่ดีก็ไม่เจ็บตัวมาก  
เพราะเราไม่มีต้นทุนค่าเช่า ค่าจ้างแรงงานเหมือนคนอืนเค้า
พ่อเราก็พูดว่า ถ้าคิดจะทำต้องทำใหญ่ๆ ต้องมีที่ ต้องไปซื้อที่เค้าที่มันติดถนน  แล้วก็จ้างคนมาทำ  เราไม่ต้องไปทำเอง นั่งเก็บเงินอย่างเดียว
(ความคิดของเรา คือ  ไอ้ที่เค้าเจ้งมาเยอะ  ก็เพราะว่าไม่ทำเอง  แล้วอีกอย่างลงทุนเยอะอย่างที่พ่อพูดนั่นแหละ  กี่ปีจะคืนทุน
แต่เราก็อดทดฟังพ่อพูดจนจบแหละ ทั้งๆที่ความจริงเราไม่อยากจะฟัง  เรารู้สึกว่าเราอาจจะคิดต่างกับพ่อ ตรงที่ว่าเราอยากรู้จักงานประเภทนี้
ให้ดีสะก่อนที่เราจะเอาเงินก้อนไปลงจำนวนมาก)
วันต่อมา  เรากับสามีไปรับซื้อขวดน้ำ กระดาษ กระป๋องมา  แล้วเอามาล้างเพราะว่าเอาเก็บไว้ข้างบ้าน กลัวเหม็น ล้างแล้วแยกประเภท  
สักพัก พ่อเราเดินมา พูดว่า  "ทำแบบนี้ มันไม่รวยหรอก  อย่างมากก็แค่พอกิน  ไม่มีทางรวยเลยทำแบบนี้  ทำแบบนี้เสียเวลาเปล่า  ไหนจะต้องมานั่งล้างเนี๊ยะ   เอามากองๆไว้เนี๊ยะเมือ่ไหร่จะเอาไปขายเค้า  เกิดไฟไหม้  งูมาจะทำยังไง ค่าน้ำค่าเสียเวลาเท่าไหร่  
ทำธุรกิจต้องเข้าใจธุรกิจสิ ถึงจะรวย  ต้องไปรับซื้อจากพวกบริษัทต่างๆเค้า  อย่างถ้าพ่อคิดจะทำเนี๊ยะสบายมากเลย  รายชื่อลูกค้าบริษัทต่างๆมีเพียบ   เราเอารถบรรทุกเราไปขนมาเองก็ได้ ง่ายมาก สบายมาก(ที่บ้านทำกิจการขนส่งค่ะ)  จ้างคนงานพม่ามาทำให้สิ  พ่อรู้จักเยอะ  
เราไม่ตอ้งทำเอง เรานั่งโต๊ะจ่ายเงินอย่างเดียว
(เรากะสามี รู้สึกไม่ดี  ถึงมันจะได้ไม่มากเพราะตอนนี้เราเพิ่งรับแค่วันแรก  เริ่มจากเล็กๆไปก่อนมีความรู้ด้านนี้ค่อยขยาย และเงินที่ได้มามันก็คือเงินที่มาจากน้ัำพักน้ำแรง ไม่ได้โกงใครมา  อีกอย่างตอนนี้ทุนเราก็ไม่ใช่ว่าจะมากพอที่จะไปรับมาขนาดนั้น  ช่วงนี้ถ้าจะเอาของไปส่งเราก็คงต้องอาศัยรถกระบะพ่อแหละ  แล้วนี่เราก็เพิ่งจะทดลองแยกประเภทของ   บอกตรงๆว่าเรากับสามีรู้สึกไม่ชอบที่พ่อมาพูดดูถูกแบบนี้  ประกอบกับสายตาที่พ่อมองมาอย่างดูถูก   และจะให้เราออกจากกงานประจำไปเพื่อทำ over project อย่างที่พ่อพูดโดยที่ยังไม่มีความรู้เฉพาะทาง  แล้วไปจ้างคนงานมาทำให้  ไปซื้อที่ดินเพื่อเป็นทำเล   เราว่าทำแบบนั้นโอกาสเจ้งเยอะกว่าเรา เพราะมันมีแต่ ค่าใช้จ่ายรอบตัว โดยที่ยังไม่มีฐานลูกค้าเลย)  
ถ้าคนที่มาพูดแบบนี้ไม่ใช่พ่อเรา  คงโดนเราสวนกลับแหละ   คือถ้าไม่ให้กำลังใจเราไม่ว่า แต่ขออย่ามาพูดว่าเจ้งๆ ไปไม่รอด
แบบนี้เลย  เราไม่ชอบ    ตอนนี้เรากะสามีนอนคิดกันว่า  ถ้าเกิดว่ารับของมาเยอะกว่านี้ คงต้องไปหาบ้านเช่าใกล้ๆไว้เก็บของแหละ พ่อจะได้
เลิกบ่น  แต่ว่าคงต้องคำนวณจุดคุ้มทุนก่อน    ขอบคุณนะที่อดทนอ่านจนจบ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่